นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า มีนัดพบหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคมนี้ ส่วนจะมีการพูดคุยในประเด็นอะไรบ้างนั้นตนยังไม่ทราบในรายละเอียด

ภาวะเงินเฟ้อดันความต้องการ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ทั่วโลกสูงทุบสถิติ

หุ้นไทยปิดร่วงหลุด 1,490 จุด ฟันด์โฟลว์ไหลออกไม่หยุด จับตาสหรัฐฯประกาศจีดีพีคืนนี้

ส่วนจะเกี่ยวกับกรณีกระแสข่าวที่ว่า นายเศรษฐา เตรียมปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยออกจากตำแหน่งหลังให้ความเห็นถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลหรือไม่นั้น นายเศรษฐพุฒิ ผู้ว่าฯ ธปท. ไม่ได้ตอบคำถามในประเด็นนึ้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายกฯ ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดที่จะปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ ส่วนข้อเสนอแนะเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตนั้นตนก็พร้อมน้อมรับไปปฏิบัติ

แบงก์ชาติ กังวลความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงขึ้นปีหน้า

นายเศรษฐพุฒิ บอกว่า ในปีหน้ามีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก จากหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว รวมไปถึงนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งหสกปัจจัยเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันอาจทำให้เงินเฟ้อสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

แบงก์ชาติส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย

นายเศรษฐพุฒิ ยังพูดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.50 ต่อปี ระบุว่า ที่ผ่านมาจำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ตลาดโลกยังมีความผันผวนมาก จึงต้องดูว่าดอกเบี้ยควรอยู่ในระดับไหนจึงเป็นผลดีในระยะยาว

ซึ่งนายเศรษฐพุฒิ บอกว่า อัตราดอกเบี้ย 2.50% ณ ตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว เมื่อพิจารณาจากเงินเฟ้อ อัตรากาาเติบโตทางเศรษฐกิจ และสมดุลทางการเงิน

หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปตามคาดการณ์ ก็เป็นเวลาเหมาะสมที่จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม หากแนวโน้มข้างหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ กนง. ก็พร้อมทบทวนอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

ไทยประสบปัญหา แก่ก่อนรวย ป่วยก่อนตาย

นอกจากนี้ นายเศรษฐพุฒิ กล่าวในงานสัมมนาประจำปี BOT Symposium 2023 ในหัวข้อ “คน : The Economic of Well-Being” โดยชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันการจัดสรรทรัพยากรของไทยยังขาดประสิทธิภาพและความเท่าเทียมตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา

เด็กไทยบางกลุ่มที่ได้รับโภชนาการที่ไม่สมดุล โดยเฉพาะเด็กในครอบครัวด้อยโอกาส ทำให้การเจริญเติบโตชะงักงัน เตี้ยและแคระแกร็น ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 13% ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

เมื่อเข้าสู่วัยเรียน การเข้าถึงบริการทางการศึกษาของคนไทยยังมีความเหลื่อมล้ำ นักเรียนที่มาจากกลุ่มที่มีรายได้สูงสุด 10% 2 ใน 3 คนจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ขณะที่นักเรียนที่มาจากกลุ่มที่มีรายได้น้อยที่สุด 10% สัดส่วนของนักเรียนที่จะเรียนต่ออยู่ที่เพียง 4-5% เท่านั้น

และเมื่อแก่ชรา ปัญหาที่พบในประเทศไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสมบูรณ์ (Aged Society) คือ ภาวะที่ผู้สูงวัย “แก่ก่อนรวย” และ “ป่วยก่อนตาย” กล่าวคือ ช่วงชีวิตยาวนานขึ้นแต่ช่วงสุขภาพที่ดีไม่ยาวนานตาม และขาดความมั่นคงทางการเงิน คือ มีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอจับจ่ายใช้สอยและรักษาสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษา พบว่า หนึ่งในสามของผู้สูงอายุในปัจจุบันมีแหล่งรายได้หลักจากบุตรธิดา และอีกหนึ่งในสามมาจากการทำงาน ในขณะที่เหลือ มีแหล่งรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุบ้าง จากบำเหน็จบำนาญบ้าง มีเพียง 1.5% เท่านั้นที่มีแหล่งรายได้หลักจากดอกเบี้ยหรือเงินออมของตนเอง

ดังนั้น การจะทำให้สังคมไทยในระยะยาวเป็นสังคมสูงวัยที่ไม่อ่อนแอ จำเป็นต้องเพิ่มทั้งความมั่นคงทางการเงิน และสุขภาพที่ดีในยาวนานขึ้น ตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญสำหรับการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับทุกช่วงชีวิตเพื่อทำให้วัยชรามีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด

สรุปเหรียญ เอเชียนเกมส์ 2022 ล่าสุดวันที่ 29 ก.ยคำพูดจาก เว็บสล็อต มาแรงอันดับ 1. 66 ทัพนักกีฬาไทย

"ไหว้พระจันทร์" วันไหน เวลาไหน เฮง! เช็กวิธี พร้อมเคล็ดลับขอพร

รู้จักสลาก สลาก L6 คืออะไร ประเดิมออกงวดแรก 1 ต.ค.66

By admin