เลิกกันแล้วทำไมต้องเกลียดกัน ฮอร์โมนความรักแปรเป็นพิษร้ายสร้างความเกลียดชัง

Homeเลิกกันแล้วทำไมต้องเกลียดกัน ฮอร์โมนความรักแปรเป็นพิษร้ายสร้างความเกลียดชัง

บอร์ด ความรัก,เลิกกันแล้วทำไมต้องเกลียดกันฮอร์โมนความรักแปรเป็นพิษร้ายสร้างความเกลียดชัง ประสบการณ์ช.. เนื้อหาโดย f r a g i l eคุณเคยมีความรักหวานปานจะกลืนกิน โลกทั้งใบเป็นสีชมพูไหม? หลายคู่เลิกกันแล้วสามารถเป็นเพื่อนกันได้ แต่บางคู่อาจจะเกลียดหน้ากันถึงขั้นไม่อยากเผาผีกันเลย ‘รักมากเกลียดมาก ยิ่งรัก...ก็ยิ่งเกลียด’ความเกลียดสร้างจากฮอร์โมนรักนายแพทย์วินัย ดะห์ลัน เชี่ยวชาญด้านชีวเคมีทางการแพทย์ ให้ข้อมูลว่าความรู้สึกเหล่านั้นเป็นผลมาจากการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความรักที่ชื่อว่า “อ็อกซิโตซิน” (Oxytocin) หรือ Love Hormone ฮอร์โมนแห่งความรัก ซึ่งเป็นฮอร์โมนเปปไทด์สร้างจากต่อมไฮโปธาลามัสในสมอง นำไปสะสมในต่อมพิทุยทารีส่วนหลังและหลั่งออกมาเพื่อสร้างอารมณ์รักและผูกพัน หรือเป็นอารมณ์ที่เกิดจากการโอบกอด สัมผัส หรือตอนเล้าโลม ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดความหึงหวงแทรกเข้ามา รวมถึงยังกระตุ้นหรือชะลอการทำงานของฮอร์โมนอะมิกดาลาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความไว้เนื้อเชื่อใจ“ยิ่งรักมาก ยิ่งมีความเชื่อใจมากขึ้น”เมื่อมีฮอร์โมนออกซิโตซิน เราจะรู้สึกรักและหวงแหนคนนั้นมาก และจะมองคนอื่นเป็นศัตรู รู้สึกกลัวหรือไม่ปลอดภัย (กลัวโดนแย่ง) หรือความรู้สึกเชิงลบ“ฮอร์โมนชนิดเดียวกัน แต่ปล่อยความรู้สึกออกมา 2 ขั้วอารมณ์”ดังนั้น “คนเคยรักกันมากเมื่อความรักถูกดึงออก ก็จะเหลืออยู่อีกขั้วนั้นคืออารมณ์ความเกลียด”ฮอร์โมนเป็นของชั่วคราวฮอร์โมนก็คือสารเคมีที่หลั่งออกมาจากต่อมใต้สมอง ซึ่งจะหลั่งออกมาแค่ช่วงแรก ๆ ของตอนมีความรัก “ความลุ่มหลงชั่วคราว (crush) ” นั่นคือ ความรู้สึกรุนแรงแต่ไม่มั่นคง จึงเป็นธรรมดาที่หลายคู่อาจจะหมดรักหรือหมดโปรไวมาก(photo from https://www.huffpost.com)ดังนั้น ช่วงหลังฮอร์โมนหมดอายุ เป็นการปรับตัวและการจัดการของคนสองคนแล้วหละ ว่าจะประคองกันไปได้นานแค่ไหน ส่วนคนที่เลิกกันฮอร์โมนรักกลายเป็นพิษร้ายล่ะก็ ควรรีบดูแลตัวเอง ดูแลฮอร์โมนให้มั่นคง แล้วกลับมาพบกันในคอลัมน์หน้ากับวิธีการดูแลรักษาออกซิโตซินกันนะคะ

Subscribe for Offers

Payment Method

paycard1 paycard2 paycard3 paycard4 paycard5

@https://www.megadoujin.org/ https www facebook com siamsport 2023 All Copyrights Reserved.

top